เราจะพาไปดู 10 อันดับ อุบัติเหตุจากรถยกที่พบบ่อยที่สุด มีอะไรบ้าง
รถยกเป็นรถอุตสาหกรรมขนาดเล็ก มีแท่นสำหรับยกแบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าติดอยู่ที่ด้านหน้า ซึ่งสามารถสอดเข้าไปใต้สินค้าเพื่อยกหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของและรถยกยังตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงคลังสินค้าและสถานที่จัดเก็บขนาดใหญ่ๆ ถึงแม้ว่ารถยกจะมีความสำคัญในภาคอุตสาหกรรม แต่หากใช้ไม่ถูกต้องและผู้ใช้งานไม่ผ่านการฝึกอบรม ก็อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่นกัน
ขั้นตอนแรกในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับรถยกคือการทำความเข้าใจปัจจัยทั่วไปที่นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ ปัจจัยเหล่านี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่ พฤติกรรม องค์กร สิ่งแวดล้อม เครื่องจักร และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโหลด
อุบัติเหตุจากรถยกที่พบบ่อยที่สุด 10 อันดับ
-
รถยกพลิกคว่ำ
รถยกพลิกคว่ำเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงจากรถยกที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งหากรถยกพลิกคว่ำ ผู้ขับขี่ห้ามกระโดดลงจากรถยกเด็ดขาด ต้องจับพวงมาลัยให้แน่น แขนตึง หลังชนพนักพิง และที่สำคัญต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่ขับรถยก
-
อันตรายต่อคนเดินเท้า
รถยกมักทำงานในบริเวณที่มีคนเดินอยู่ด้วย จึงเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้บ่อยเช่นกันหากไม่มีมาตรการด้านความปลอดภัยที่ดีพอ
-
การขาดการฝึกอบรมของผู้ฏิบัติงาน
OSHA กำหนดให้ผู้ทำหน้าที่ขับรถยกทุกคนต้องผ่านการฝึกอบรมและได้รับอนุญาตก่อนใช้รถยก แต่ในบางครั้งก็มีผู้ขับรถยกไม่ได้รับการฝึกอบรมเสียก่อน เมื่อผู้ปฏิบัติงานไม่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานที่ปลอดภัยย่อมส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
-
โหลดที่ตกลงมา
ในการขับรถยกผู้ทำหน้าที่ขับรถยกไม่เพียงแค่ยกกล่องหรือพาเลทเท่านั้น งานส่วนใหญ่มักเป็นการยกและขนย้ายวัตถุดิบ ชิ้นส่วนเล็กๆ และสิ่งของอื่นๆ ที่อาจตกลงมาได้ หากไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม และการตกลงมาของสิ่งของที่อยู่ระหว่างการยก ก็เป็นอันตรายต่อผู้ที่ปฏิบัติงานในบริเวณนั้น เช่นกัน เพื่อเป็นการป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตจึงต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำหนักบรรทุกอยู่บนงาอย่างสมดุล
-
รถยกตกจากท่าเรือหรือรถพ่วง
หนึ่งในกิจกรรมที่อันตรายที่สุดสำหรับรถยก คือการตกขณะข้ามประตูรถพ่วง ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายระหว่างพื้นที่ในคลังสินค้า หรือเข้าและออกจากรถกึ่งพ่วง ผู้ปฏิบัติงานต้องระมัดระวังและแน่ใจว่าได้ดำเนินการอย่างปลอดภัย
-
ผู้ปฏิบัติงานตกจากงารถยก
ไม่ควรยืนอยู่บนงาของรถยกเพื่อขึ้นไปปฏิบัติงานบนที่สูงถึงแม้ว่าจะสามารถทำได้โดยง่าย แต่โอกาสที่จะตกลงมีสูงมาก และอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะ กระดูกหัก เลือดออกภายใน แม้แต่การถูกทิ่มแทง อาจเกิดขึ้นได้ทุกกรณีหากใช้งารถยกในการขึ้นทำงานบนที่สูง
-
การบดบังสายตา
หากผู้มีหน้าที่ขับรถยกมองไม่เห็นทางที่กำลังขับรถยกไป นั่นหมายถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ไม่เพียงแต่สิ่งของที่บังสายตาเท่านั้น ผู้ขับรถยกยังต้องระวังบริเวณด้านข้างและด้านหลังเพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับคนที่อยู่บริเวณนั้น สิ่งของ และอุปกรณ์ต่างๆ ด้วย
-
ความล้มเหลวทางกล
รถยกก็คือเครื่องจักรชนิดหนึ่งที่ต้องได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากไม่ได้รับการบำรุงรักษาอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุในขณะใช้งานได้
-
การปล่อยสารพิษ
รถยกที่ใช้แบตเตอรี่เป็นพลังงานเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ก็อาจปล่อยมลพิษออกมาได้เพราะต้องมีการชาร์ตแบตเตอรี่ ต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัยที่ดีพอ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นบริเวณที่มีการชาร์ตแบตเตอรี่
-
ถูกรถยกทับ
อันตรายจากการถูกรถยกทับ ถือเป็นอันตรายลำดับต้นๆ ของการบาดเจ็บและเสียชีวิตของผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ หากผู้ขับขี่และผู้ที่อยู่บริเวณนั้นไม่มีความระมัดระวัง อาจจะทำให้เกิดอันตรายจากการถูกรถยกทับได้
อีกปัจจัยหนึ่งคือ น้ำหนักบรรทุกที่นำไปสู่อุบัติเหตุของรถยก
สาเหตุทั่วไปอีกประการของอุบัติเหตุประเภทนี้คือการพยายามบรรทุกของที่หนักเกินไป ปัญหาอาจเกิดขึ้นได้หากการบรรทุกไม่เสถียรหรือพาเลทที่รับน้ำหนักบรรทุกหัก หากบรรทุกซ้อนกันในลักษณะที่ผู้ควบคุมรถยกไม่สามารถมองเห็นได้ว่ากำลังจะไปที่ใด ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน
อุบัติเหตุจากรถยกเกิดขึ้นปีละกี่ครั้ง
การประมาณการของ OSHA ระบุว่า มีผู้บาดเจ็บระหว่าง 35,000 ถึง 62,000 คน ได้รับบาดเจ็บจากรถยกในทุกๆ ปี และสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐอเมริกา รายงานว่าในปี 2017 มีการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับรถยก 9,050 ราย และในปี 2018 ลดลงเหลือ 7,940 ราย การบาดเจ็บจากรถยกมีแนวโน้มที่จะรุนแรงกว่าการบาดเจ็บในงานอื่นๆจำนวนวันหยุดงานเฉลี่ยอยู่ที่ 13 วันเมื่อเทียบกับงานอื่นๆอยู่ที่ 8 วัน และเมื่อพิจารณาดูแล้วพบว่าค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่บริษัทจะต้องจ่ายกรณีเกิดอุบัติเหตุจากรถยกเฉลี่ย 41,000 ดอลลาร์ซึ่งถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากและยังพบว่าผู้ปฏิบัติงานประมาณ 75 – 100 คนเสียชีวิตทุกปีจากอุบัติเหตุรถยกเฉลี่ยคร่าวๆเสียชีวิตอยู่ที่ 87 คนต่อปี
สรุป
อุบัติเหตุจากรถยกมีสาเหตุมาจากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บไม่มากก็น้อยและอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ จึงมีความจำเป็นที่ผู้ขับขี่ต้องผ่านการฝึกอบรมและได้รับอนุญาตก่อน จึงจะสามารถขับได้ และนอกจากผู้ขับขี่ต้องผ่านการฝึกอบรมแล้ว มาตรการอื่นๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน ซึ่งเมื่อกำหนดมาตรการแล้ว ต้องควบคุมดูแลให้ผู้ขับขี่และผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของรถยกปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น