เคล็ดลับเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานรถยก มีอะไรบ้าง
เนื่องจากอุบัติเหตุจากรถยกคิดเป็น 10% ของการบาดเจ็บในที่ทำงานดังนั้นการรู้วิธีทำงานอย่างปลอดภัย ร่วมกับการใช้งานรถยกหรือการอยู่ร่วมกับรถยกจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากรถยกวันนี้เราจะมาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่จะทำให้เราสามารถใช้งานรถยกได้อย่างปลอดภัย
รู้จักหน้าที่ของตนเอง
การบำรุงรักษาและปรับปรุงความปลอดภัยของรถยกขึ้นอยู่กับความพยายามของหลายฝ่าย และแต่ละคนมีหน้าที่ของตัวเอง มาดูหน้าที่ของแต่ละคนว่ามีหน้าที่อะไรบ้าง
นายจ้างหัวหน้างานและผู้จัดการมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
- สร้างโปรแกรมการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับรถยกเป็นลายลักษณ์อักษร
- ตรวจสอบให้มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานทุกคนได้รับการฝึกอบรมด้านความลอดภัยเกี่ยวกับรถยกอย่างเหมาะสม
- ให้พนักงานที่มีประสบการณ์และมีความสามารถเท่านั้นทำหน้าที่ในการกำกับดูแลด้านความความปลอดภัย
- ตรวจสอบพนักงานให้ปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยและให้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
- ระบุวิธีการปรับปรุงการดำเนินงานที่ปลอดภัยในสถานที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง
- ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายและนโยบายบริษัท
พนักงานขับรถยก มีหน้าที่และความรับผิดชอบดังนี้
- ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายและนโยบายของบริษัท
- สวมอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่เหมาะสมตลอดระยะเวลาในการปฏิบัติงาน
- รายงานข้อบกพร่องของอุปกรณ์ต่อหัวหน้างานเพื่อแก้ไข
- ทำงานอย่างปลอดภัยตลอดเวลาโดยไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อตนเอง เพื่อนร่วมงาน หรือสิ่งที่อยู่ในพื้นที่การทำงาน
ฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน
การฝึกอบรมรถยกที่มีคุณภาพเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปรับปรุงความปลอดภัยของรถยก OSHA ประมาณการว่า 70% ของข้อผิดพลาดสามารถป้องกันได้โดยการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม แล้วอะไรคือการฝึกอบรมรถยกที่เหมาะสม โดยรวมแล้ว OSHA กำหนดให้นายจ้างจัดเตรียมดังต่อนี้
- คำแนะนำอย่างเป็นทางการ : รวมถึงบทเรียนที่ครอบคลุมหัวข้อด้านความปลอดภัยของรถยกทั้ง 22 หัวข้อที่ระบุไว้ในมาตรฐาน 1910.178(I)(3)(i) และ 1910.178(I)(3)(ii)
- การฝึกอบรมและการประเมินผลภาคปฏิบัติ
- การรับรอง
OSHA ยังกำหนดให้นายจ้างจัดให้มีการฝึกอบรมทบทวนอย่างน้อยทุกๆ 3 ปี และหากผู้ปฏิบัติงานทำสิ่งที่ไม่ปลอดภัยหรือหากสภาพสถานที่ทำงานเปลี่ยนไป จะต้องจัดให้มีการทบทวนที่ถี่ขึ้น
ติดตั้งและบำรุงรักษา Safety Guards
OSHA กำหนดให้รถยกมีการติดตั้งเครื่องป้องกันเหนือศีรษะ (Overhead guard) สิ่งนี้จะช่วยปกป้องผู้ปฏิบัติงานจากวัตถุที่ตกลงมา ควรตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันศีรษะเป็นประจำเพื่อหาข้อบกพร่อง เช่น รูหรือรอยบุบ เมื่อพบข้อบกพร่องต้องรีบแก้ไข และนอกจากเครื่องป้องกันศีรษะแล้ว OSHA ยังกำหนดให้มี load backrest ซึ่งจะช่วยให้สัมภาระอยู่กับที่ แต่บ่อยครั้งผู้ปฏิบัติงานจะถอดออก เพื่อให้เข้าถึงระดับที่สูงขึ้นโดยไม่ชนเพดานแต่จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้สิ่งของที่ยกตกลงมาได้
ห้ามดัดแปลงรถยก
OSHA ระบุว่า การแก้ไขและเพิ่มเติมที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการยกและความปลอดภัยในการทำงาน จะต้องไม่ดำเนินการโดยลูกค้าหรือผู้ใช้งาน จะต้องดำเนินการโดยผู้ผลิต
แสงสว่างที่เหมาะสม
การใช้งานของรถยกมักใช้ในพื้นที่ที่มีแสงสว่างน้อย เช่น โกดัง รถกึ่งพ่วง และรถราง เมื่อใช้งานในพื้นที่เหล่านี้โดยไม่มีแสงสว่างที่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
ติดตั้งเครื่องตรวจจับก๊าซ
สำหรับรถยกที่ขับเคลื่อนด้วยก๊าซ LPG มักใช้ภายในอาคาร การตรวจสอบความเข้มข้นของก๊าซในพื้นที่การทำงานเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะหากปริมาณก๊าซมากเกินไป อาจทำให้เป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานได้
ใช้ความระมัดระวังเมื่อขนถ่ายกับรถพ่วง
การขนย้ายกับรถพ่วงมีความเสี่ยงหากไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่เหมาะสม ซึ่งต้องตั้งเบรคทุกครั้งและหนุนล้อรถ และต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่เกินพิกัดยกที่กำหนด
ตรวจสอบก่อนการใช้งาน
การตรวจสอบรถยกก่อนการใช้งาน ดำเนินการโดยผู้ปฏิบัติงาน โดยการตรวจสอบตาม check sheet และหากพบข้อบกพร่องจะต้องรีบแจ้งหัวหน้าและรีบดำเนินการแก้ไขโดยทันที
ติดตามการบำรุงรักษา
การบำรุงรักษารถยกเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลรถยกให้ใช้งานได้นานขึ้น และยังทำให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งานด้วย
รู้วิธีลงจากรถยกอย่างปลอดภัยเมื่อพลิกคว่ำ
รถยกพลิกคว่ำเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของการเสียชีวิต ดังนั้น การรู้วิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ขึ้นอยู่กับประเภทของรถยกที่ใช้งานด้วย
รถยกแบบนั่งขับ
- ให้นั่งอยู่กับที่
- รั้งตัวเองไปด้านหลัง
- ถอยห่างจากจุดที่กระทบ
รถยกแบบยืน
- ถอยหลังออกจากส่วนควบคุมเครื่อง
- ออกให้ห่างจากรถยกเท่าที่ทำได้
ติดตั้งระบบตรวจจับตัวผู้ปฏิบัติงาน
อุปกรณ์ความปลอดภัยที่สำคัญที่สุด คือ เข็มขัดนิรภัย เนื่องจากเข็มขัดนิรภัยเป็นสิ่งที่ป้องกันไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานถูกทับหากเกิดการพลิกคว่ำ ซึ่งหากผู้ปฏิบัติงานไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้
อย่าขับเร็ว
เนื่องจากรถยกมีน้ำหนักมาก จึงต้องใช้เวลาในการหยุดรถ หากขับด้วยความเร็วอาจจะไม่สามารถหยุดรถได้ทัน กรณีมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น
จัดการโหลดอย่างเหมาะสม
รถยกถูกออกแบบมาเพื่อยกและวางของ แต่การจัดโหลดให้เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโหลดมีรูปร่างขนาด และน้ำหนักที่แตกต่างกัน การจัดโหลดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญในการยก
รักษาแนวสายตาให้ชัดเจน
ผู้ควบคุมรถยกต้องรักษาทัศนวิสัยให้มองเห็นได้ย่างชัดเจน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการยก
ระวังคนเดินเท้า
ผู้ควบคุมรถยกต้องระวังคนเดินเท้าในพื้นที่การปฏิบัติงานด้วย เพราะหากไม่ระมัดระวังอาจเกิดอุบัติเหตุชนคนที่เดินในพื้นที่การปฏิบัติงานได้ ในปี 2560 สำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ พบว่าการชนคนส่งผลให้เสียชีวิตถึง 13%
แยกคนและรถยกออกจากกัน
การแยกคนกับรถยกออกจากัน สามารถช่วยให้เกิดความปลอดภัยสำหรับคนเดินเท้าได้
ไม่อนุญาตให้โดยสาร
รถยกไม่ใช่รถโดยสาร เนื่องจากไม่มีที่นั่งที่ปลอดภัยสำหรับผู้โดยสาร หากรถยกพลิกคว่ำอาจทำให้เสียชีวิตได้
ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมในการยกคนขึ้นที่สูง
การตกจากรถยกเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต 15% ในปี 2560 จึงควรใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น กระเช้า , X-Lift , Boom Lift เป็นต้น
ทางลาดชันขึ้นและลงอย่างถูกต้อง
เพื่อลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุจากการขึ้นและลงทางลาดชัน ปฏิบัติดังนี้
- ขับขึ้นลงทางลาดช้าๆ
- ขับเคลื่อนด้วยน้ำหนักที่น้อยลงเพื่อลดโอกาสสิ่งของตกจากงา
- ไม่ใช้ทางลาดถ้าเป็นไปได้
รักษาความสะอาดของอุปกรณ์
ควรทำความสะอาดรถยกเป็นประจำเพื่อให้รถยกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปฏิบัติตามขั้นตอนการเติมน้ำมันอย่างปลอดภัย
รถยกส่วนใหญ่ใช้ทั้ง LPG น้ำมันเบนซิน ดีเซล หรือไฟฟ้า และแหล่งเชื้อเพลิงที่มีความเสี่ยงเมื่อต้องเติมน้ำมัน ดังนั้น ผู้ปฏิบัติงานควรคำนึงถึงความปลอดภัยเมื่อเติมน้ำมันและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
ห้ามเดินใต้งารถยก
ห้ามเดินใต้งารถยก เนื่องจากผู้ควบคุมรถยกอาจมองไม่เห็นและสิ่งของอาจตกลงมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งหากมีคนเดินลอดงารถยกอาจทำให้เกิดอันตรายได้
รักษาสภาพแวดล้อมการทำงานให้สะอาด ปลอดโปร่ง และอยู่ในสภาพดี
หากสภาพแวดล้อมในการทำงานไม่สะอาด อาจทำให้มีโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น
อย่าใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถยก
อย่าใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถยก เพราะอาจทำให้เสียสมาธิในการขับขี่และอาจเกิดอุบัติเหตุได้การใช้งานรถยกอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลาหากผู้ปฏิบัติงานใช้ไม่ถูกวิธีหรือไม่ทำตามมาตรการที่กำหนดขึ้นซึ่งอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากตัวผู้ปฏิบัติงานเองจึงจำเป็นต้องสร้างความตระหนักและให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง